welcome To blog

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


หลักการและความรู้ทั่วไปเทคนิคการให้คำปรึกษา

ความหมายของการให้คำปรึกษา
                การให้คำปรึกษา หมายถึง กระบวนการให้ความช่วยเหลือ ติดต่อสื่อสารกันด้วยวาจาและกิริยาท่าทาง ที่เกิดจากสัมพันธภาพทางวิชาชีพของบุคคลอย่างน้อย 2 คน คือ ผู้ให้และผู้รับคำปรึกษา
ผู้ให้คำปรึกษาในที่นี้หมายถึง ครูที่มีคุณลักษณะที่เอื้อต่อการให้คำปรึกษา มีความรู้และทักษะในการให้คำปรึกษา ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้รับคำปรึกษาหรือนักเรียน ซึ่งเป็นผู้ที่กำลังประสบความยุ่งยากใจ หรือมีความทุกข์และต้องการความช่วยเหลือให้เข้าใจตนเอง เข้าใจสิ่งแวดล้อม ให้มีทักษะในการตัดสินใจ และหาทางออกเพื่อลดหรือขจัดความทุกข์ ความยุ่งยากใจด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ (Burks and Shefflre, 1979 อ้างถึงใน George & Cristiani, 1995)
การให้คำปรึกษานี้มีลักษณะที่แตกต่างจากการให้บริการอื่นๆ ดังนี้ คือ (กรมสุขภาพจิต, 2540 ; Gladding, 1996)

                1. มีทฤษฏี กระบวนการและเทคนิคการให้คำปรึกษาให้ครูได้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับลักษณะของปัญหาและธรรมชาติของนักเรียน
                2. เน้นสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูผู้ให้และนักเรียนผู้รับคำปรึกษา เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้สึกไว้วางใจ และกล้าเปิดเผยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้การให้คำปรึกษาดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้การสนทนา หรือการสื่อสารสองทางระหว่างครูกับนักเรียน เป็นเครื่องมือสำคัญของการให้คำปรึกษา
                3. เน้นปัจจุบัน เพื่อให้นักเรียนอยู่ในโลกของความเป็นจริง และสามารถค้นหาแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ในปัจจุบัน
                4. ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปตายตัว เพราะการให้คำปรึกษาเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ วิธีการแก้ปัญหาในแต่ละกรณีจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพปัญหา โดยนักเรียนจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกแนวทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
                5. ครูผู้ให้คำปรึกษาต้องให้เกียรติ และยอมรับนักเรียนที่มาขอรับคำปรึกษาอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ตัดสิน ไม่ประเมิน และไม่วิพากษ์ วิจารณ์ หรือตำหนินักเรียน


เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
สูตรสมูทตี้แตงโม เป็นสูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพง่ายๆ ที่ท่านสามารถทำได้เองที่บ้าน และใช้เวลาในการทำไม่มากเลย 
ส่วนผสม ( สำหรับสมูทตี้แตงโม 2 แก้ว )
เนื้อแตงโม 2 ถ้วยตวง ( นำเมล็ดแตงโมออกให้เรียบร้อย )
น้ำแข็งปน 1 ถ้วยตวง
โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงหั่นบางๆ 1/4 ถ้วยตวง
น้ำมันอัลมอนด์ 1/8 ช้อนชา
วิธีการทำ สมูทตี้แตงโม
ปั่นเนื้อแตงโม, โยเกิร์ต, น้ำแข็ง, น้ำตาล, ขิง และน้ำมันอัลมอนด์เข้าด้วยกัน รอจนเนื้อของสมูทตี้ผสมผสานเข้าที่แล้วก็เทใส่แก้ว 2 แก้วพร้อมรับประทาน
สมูทตี้แตงโมแก้วนี้ทำได้ง่ายและคุณค่าทางโภชนาการไม่น้อยเลยทีเดียว เพื่อนๆสามารถนำไปทำได้เองที่บ้านเลยจ้า

เคล็ดลับผิวขาว และการดูแลผิว
ผิวสวย หน้าใส จากไพล สมุนไพรโบราณ
โดย : Jina
         สมุนไพรโบราณกับความสวยความงามของคุณสาวๆ ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก ไม่ว่าการพอกหน้า
 หรือการขัดผิว สาวๆ นิยมให้สมุนไพรในการดูแลผิว และไพล ก็เป็นหนึ่งในการดูแลผิวของคุณสาวๆ อีกด้วย 
ผิวสวย หน้าใส จากไพล สมุนไพรโบราณคุณผู้หญิงส่วนใหญ่ปรารถนาในเรื่องความสวยความงาม ไม่ว่าจะ
ใบหน้า หรือผิวพรรณที่จะต้อง สวยเด่นสะดุดตา ซึ่งในปัจจุบันวิธีการบำรุงผิวหน้า และผิวกายนั้นมีมากมาย..

การเลือกที่จะใช้เครื่องสำอางในบางครั้งอาจจะต้องเสียเงินแพงๆ เพื่อให้ตัวเองขาว ใส ตลอดเวลา แต่เดียวนี้
ยังมีสาวๆ อีกมากมายที่หันตัวเองมาใช้สมุนไพรจากธรรมชาติในการดูแลตัวเอง ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ ก็ช่วยให้                สาวๆ ขาวและสวยได้เช่นกัน พูดมาซะขนาดนี้สาวๆ คงอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะค่ะ ว่าสมุนไพรแบบไหนที่ช่วย
ให้คุณสาวๆ สวยใสขึ้นได้ งั้นเราไปทำความรู้จักกันเลยค่ะ
ไพล หลายๆคนอาจเคยได้ยินชื่อ เพราะเป็นสมุนไพรไทย ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน จะเห็นจากตำหรับยาไทย
ต่างๆ จะมีไพล เป็นส่วนประกอบเสมอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber montanum Rosc วงศ์ Zingiberaceae
ชื่ออังกฤษ Thai ginger,Bengal ginger
ชื่อท้องถิ่น ปูลอย ปูเลย ( เหนือ) ว่านไฟ ( กลาง) มิ้นสะล่าง (แม่ฮ่องสอน)
สรรพคุณทางยา
ไพลเป็นพืชที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณกาล นิยมปลูกไว้ในบ้าน เป็นพืชวงศ์เดียวกับ ขิง ข่า ตามตำหรับโบราณ 

ไพลเป็นส่วนผสมของยาอบสมุนไพร ช่วยสมานผิวและทำให้ผิวเต่งตึงสดใสจากการวิจัยพบว่าน้ำมันหอมระเหย
จากเหง้ามีฤทธิ์ลดอาการอักเสบ แก้ปวดข้อ ขัด ยอกและปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อได้ผลดี
ไพลจัดว่าเป็นพืชล้มลุกที่สูงราว 1-1.5 เมตร มีดอกสีเหลืองนวล ออกดอกเป็นช่อรูปกรวย มีผลขนาดเล็กลักษณ

ะเป็นก้อนกลม แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ส่วนเหง้าซึ่งมีเปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง ส่วนเนื้อในมีสีเหลือง
แกมเขียว มีกลิ่นเฉพาะและเป็นส่วนที่เราสามารถนำมาทำแป้งขัดผิวช่วยทำให้ผิวผุดผ่องเป็นยองใย ลบริ้วรอย

จุดด่างดำ และทำให้ไม่เกิดสิว ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระด้วย
วิธีทำแป้งไพลขัดผิว ก็โดยการนำเหง้าไพลหั่นหยาบๆ ประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ พร้อมด้วยดินสอพอง 3 ถ้วยตวง 

 มาทุบให้พอแตกแล้วลงปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงเติมน้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง
แล้วปั่นให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง ก่อนนำมาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ นำไปตากแดดให้แห้งสนิทดีแล้วจึงเก็บใส่

ขวดโหลเพื่อเก็บไว้ใช้ได้เป็นเวลานาน
ส่วนวิธีใช้นั้นก็เพียงนำแป้งไพล 2-3 ก้อน ผสมกับน้ำเย็นทาพอกหน้าก่อนนอนประมาณ 15-30 นาที จึงล้าง

 ออก แต่หากอยากให้ใบหน้าอ่อนนุ่มก็สามารถเติมนมสด หรือโยเกิร์ตประมาณ 2 ช้อนชาลงไปด้วยก็ได้
เพียงเท่านี้คุณสาวๆ ก็จะมีใบหน้าที่สวย ใส และสุขภาพดี โดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆ ไปหาซื้อครีมบำรุงมาใช้กัน